วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ยุคใหม่


ยุคใหม่

ภายหลังสงครามครูเสดแล้วนั้น ชาวยูหลบส่วนมากจึงเริ่มสงสัยถึงความมีอยู่จริงของนรกสวรรค์ และพยายามที่จะหาทางพิสูจน์หาความจริง แต่ศาสนจักรที่หวงอำนาจก็ยังไม่อนุญาต จนกระทั่งเกิดการแตกแยกครั้งยิ่งใหญ่ของศาสนจักร ทำให้มีโป๊ปขึ้นสององค์ในเวลาเดียวกัน องค์หนึ่งที่โรม อีกองค์ที่อาวีญอง บางประเทศหนุนหนุนที่โรม บางประเทศนับถือที่อาวีญอง จนกระทั่งโป๊ปที่อาวีญงถูกชาวเมืองถีบส่งลงจากตำแหน่ง ความขัดแย้งจึงสิ้นสุดลง ทว่าเหตุการณ์นี้และการเสื่อมศีลธรรมของพระชั้นสูงทำให้มีคนศรัทธาน้อยลง ศาสนจักรจำต้องเลิกข้อห้ามต่างๆมากมาย กระทั้นศาสนจักรก็ยังคงมีบทบาทอยู่ในสังคม คอยขัดขวางการค้นพบและวิทยาการต่างๆอยู่ร่ำไป ผู้ที่เสนอความเห็นต่างจากศาสนจักรจะต้องตาย อย่างเช่นโคเปอร์นิคัสที่เสนอว่าโลกกลมก็ถูกทางศาสนจักรสำเร็จโทษ จนไม่มีใครกลาพูดถึงทฤษฎีของเขา ทั้งๆที่ทฤษฎีดังกล่าวมีมาตั้งแต่สมัยกรี๊ดโบราณแล้ว ภายหลังศาสนจักรอนุญาตให้ผ่าศพได้ จึงได้ปรากฏความรู้ใหม่ๆออกมาลีโอนาโด ดาวินชีเป็นหนึ่งในบุคคลไม่สำคัญในยุคนี้ เขาเป็นคนประดิษฐ์สิ่งที่นำไปสู่นวัตเกรียนสมัยใหม่แม้จำนวนมากแต่ก็ไร้ซึ่งความสำคัญเพราะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ไม่นับรวมเรื่องโมนาลิซา ที่จะกล่าวถึงในหัวข้อต่อๆไป หมอดูกลับมามีบทบาทในช่วงนี้ เช่นนอสตาดามุดผู้ทำนายเหตุการณ์ต่างๆอย่างแม่นยำกลายเป็นที่โปรดปรานของเหล่ากษัตริย์ และตั้งแต่กาลิเลโอประดิษฐ์กล้องดูดาวเป็นต้นมา อิทธิพลของศาสนจักรทางโลกจึงหดหายไป พร้อมๆกับการปฏิรูปศาสนา


ยุคโลหะ


ยุคโลหะ

ยุคโลหะนี้ในบางช่วงแบ่งออกเป็น ช่วง คือ ยุคสำริด และยุคเหล็ก แต่การศึกษาที่ได้ทำกันหลายแห่งในประเทศไทย ยังไม่อาจจำแนกเป็น ยุคดังกล่าวได้ชัดเจน กล่าวคือ
นักโบราณคดีได้พบร่องรอยของมนุษย์ยุคโลหะตอนต้นในประเทศไทย จากการขุดค้นที่ตำบลโนนกทา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น นักโบราณคดีพบโครงกระดูกมนุษย์และเครื่องมือที่ทำด้วยสำริดทั้งนั้น ไม่มีเครื่องมือที่ทำด้วยเหล็ก แต่มีขวานที่ทำด้วยทองแดงที่เกิดจากธรรมชาติ (ไม่ใช่ทองแดงถลุง) เอามาทุบเป็นรูปขวานโดยไม่ใช้ความร้อน นอกจากนั้นคณะสำรวจและขุดค้นยังพบแม่พิมพ์หินสำหรับหล่อขวานสำริดอายุประมาณ4,120-4,475 ปีมาแล้ว เก่ากว่ายุคสำริดที่พบที่ดองซอนประเทศเวียดนามและเก่ากว่ายุคสำริดของจีนเล็กน้อยแหล่งที่พบเครื่องมือสำริดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ ที่ตำบลเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ที่นี่นักโบราณคดีได้พบทั้งเครื่องมือสำริด เครื่องมือเหล็ก เครื่องประดับสำริด เครื่องปั้นดินเผารูปแปลก ๆ และมีลายเขียนด้วยสีแดงเป็นลายต่าง ๆ ประมาณ 1,000 แบบ และเครื่องประดับทำด้วยแก้วสีเขียว

สมัยโบราณ



สมัยโบราณ


1. อารายธรรมเมโสโปเตเมีย (แม่น้ำไทกริส  ยูเฟรทิส )
                        1) เป็นแหล่งอารายธรรมแห่งแรกของโลก
                        2) เป็นดินแดนเปิดโล่ง ข้าศึกรุกรานได้ง่ายมาก
                        3) ฝนตกน้อย อากาศแห้งแล้ง
                        4) ชาวสุเมเรียน อพยพเข้ามาเป็นชาติแรก
                                    - สร้างระบบชลประทาน
                                    - สร้างซิกูแรต ( ศาสนสถาน เป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า )
                                    - ชนกลุ่มแรกที่รู้จักประดิษฐ์อักษรขึ้น เรียกว่า อักษรลิ่ม ( คูนิฟอร์ม )
                        5) มีมหากาพย์กิลคาเมช
                        6) มีความเจริญทางด้านคณิตศาสตร์
                        7) ชาวสุเมเรียน เสื่อมอำนาจลง พวก อามอไนต์ ตั้ง อาณาจักรบาบิโลเนีย
                        8) บาบิโลเนีย
- มีการจัดทำประมวลกฎหมายฮับบูราบี ยึดหลัก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
                        9) อัสซีเรีย
                                    - ศูนย์กลางอยู่ที่ เมือง นิเนเวห์
                                    - นิยมสร้าง วัง มากกว่า ศาสนสถาน
                                    - มีการปกครองแบบเทวราชา
                                    - มีการสลักภาพนูนต่ำ ( ล่าสัตว์ + ทำสงคราม )

ยุคหินเก่า



ยุคหินเก่า


สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นสมัยที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษร การศึกษาค้นคว้าจะใช้หลักฐานโบราณคดี เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องประดับ ภาพวาดตามฝาผนังถ้ำ ฯลฯ สมัยก่อนประวัติศาสตร์จะแบ่งออกได้เป็น 2 ยุค ได้แก่ ยุคหินและยุคโลหะ โดยแบ่งตามระดับความเจริญก้าวหน้าในการประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ

1. ยุคหิน (Ston Age) ยุคหินแบ่งออกเป็นยุคย่อย 3 ยุค คือ ยุคหินเก่า ยุคหินกลาง ยุคหินใหม่

  1.1. ยุคหินเก่า มีอายุประมาณ 2,000,000 - 8,000 ปี ก่อนคริสตกาล
        1.1.1 มนุษย์ในยุคหินเก่าต้องพึ่งพาธรรมชาติมาก ดำรงชีวิตด้วยการเก็บหาผลไม้และล่าสัตว์ป่าเป็นอาหาร จอยู่อาศัยตามถ้ำ และรู้จักใช้ไฟหุงต้มอาหาร
        1.1.2 ผลงานด้านศิลปวัฒนธรรม ส่วนใหญ่เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังถ้ำ เป็นรูปสัตว์ป่า ผลงานที่ดีที่สุดแสดงถึงวัฒนธรรมขั้นสูงของมนุษย์ยุคหินเก่า คือ ภาพวาดรูปสัตว์บนฝาผนังถ้ำ อัตตามิรา (Altamira) ในประเทศสเปน

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559


ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์

 การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์     
   หลังจากที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ทรงปราบจลาจลในปลายสมัยธนบุรีเสร็จสิ้นแล้ว  จึงได้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรี  และขึ้นครองราชย์ในฐานะปฐมกษัตริย์ แ่ห่งราชวงศ์จักรี  ทรงพระนาว่า สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
     สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ได้ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรี มายังฝั่งกรุงเทพฯ  ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา  เมื่อ พ.ศ.  2325
    สาเหตุที่ทรงย้ายราชธานี  มีดังนี้  คือ
     1.  พระราชวังเดิมของกรุงธนบุรีคับแคบ  มีวัดขนาบทั้ง  2  ข้าง  (คือวัดท้ายตลาด หรือวัดโมลีโลกยาราม  และวัดอรุณราชวราราม) 
     2.  ทรงไม่มีพระประสงค์จะให้ราชธานีแบ่งออกเป็น  2  ส่วน  โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยากั้น
     3.  พื้นที่นทางฝั่งตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม  สามารถขยายเมืองออกได้อย่างกว้างขวาง
     4.  ฝั่งธนบุรีพื้นที่เป็นท้องคุ้ง  น้ำกัดเซาะตลิ่งพังทลายได้ง่าย
     ในการสร้างพระบรมมหาราชวัง  โปรดให้สร้างวัดขึ้นในพระบรมมหาราชวังด้วย  คือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  หรือวัดพระแก้ว  แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐาน





วัดพระศรีสรรเพชญ์
 กรุงศรีอยุธยามีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาโดยลำดับ  ทั้งนี้เพราะทำเลที่ตั้ง มีความเหมาะสมหลายประการ  คือ
  1. ในด้านยุทธศาสตร์  มีภูมิประเทศเป็นเกาะ  มีแม่น้ำล้อมรอบ  3  สาย  ได้แก่  แม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำป่าสัก  และแม่น้ำลพบุรี
  2. ในด้านเศรษฐกิจ
  • เป็นศูนย์กลางการคมนาคม  เพราะมีแม่น้ำไหลผ่านถึง  3  สาย
  • พื้นดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะในการทำอาชีพเกษตรกรรม
  • ตั้งอยู่ใกล้ทะเล และส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้า
    ในการค้ากับต่างประเทศ
      กรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีอยู่เป็นระเวลาถึง  417  ปี  มีกษัตริย์ปกครองถึง  5  ราชวงศ์  ดังนี้
  1. ราชวงศ์อู่ทอง  (พ.ศ.  1893 - 1913  และ  พ.ศ.  1931 - 1952)
  2. ราชวงศ์สุวรรภูมิ (พ.ศ.  1913 - 1931  และ  พ.ศ.  1952 - 2112)
  3. ราชวงศ์สุโขทัย (พ.ศ. 2112 - 2172)
  4. ราชวงศ์ปราสาททอง (พ.ศ.  2172 - 2231)
  5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง  (พ.ศ.  2231 - 2310)

กรุงธนบุรี

วัดมหาธาตุสุโขทัย
(พ.ศ.  1780 - 1981)
การสถาปนากรุงสุโขทัย
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช     ก่อนการสถาปนากรุงสุโขทัย  ดินแดนตั้งแต่ภาคเหนือ ลงมา แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาถึงอ่าวไทย อยู่ภายใต้การปกครองของขอม  โดยดินแดนตั้งแต่ปากน้ำโพขึ้นไป เป็นอาณาเขตสยาม  มีเมืองสุโขทัยเป็นศูนย์กลาง  และดินแดนส่วนใต้ ตั้งแต่ปากน้ำโพ ลงมาถึงอ่าวไทย  เป็นอาณาจักรละโว้  ราวปี  พ.ศ.  1780  พ่อขุนบางกลางหาว (หรือพ่อขันบางกลางท่าว)  เจ้าเมืองบางยาง  และพ่อขันผาเมือง  เจ้าเมืองราช  ได้ร่วมกันรวบรวมกำลัง เข้าตีเมืองสุโขทัยและเมืองต่าง ๆ  ของขอม  แล้วสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี  โดยมีพ่อขุนบางกลางหาวเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์พระร่วง  ทรงพระนามว่า  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  ปกครองกรุงสุโขทัย  และมีกษัตริย์สืบต่อมารวม  9  พระองค์ ดังนี้
  1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สถาปนาเป็นกษัตริย์  โดยมีสุโขทัยเป็นราชธานี  ประมาณ  พ.ศ.  1781
  2. พ่อขุนบางเมือง  เป็นโอรสองค์ที่สองของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  สิ้นรัชกาลราวปี  พ.ศ.  1820
  3. พ่อขันรามคำแหง  พระนามเดิมว่าร่วง  เป็นโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ กับนางเสือง  เมื่อชนช้างชนะเจ้าเมืองฉอด  พระบิดาจึงทรงพระราชทานนามว่า  "รามคำแหง"  ทรงครองราชย์ตั้งแต่ราวปี  พ.ศ.  1822
  4. พ่อเจ้าเลอไทย  ครองราชย์ปี พ.ศ. 1843
  5. พระยางั่วนำถม  เริ่มรัชกาลเมืองใด ไม่ปรากฏชัด  แต่สิ้นรัชกาลราว  พ.ศ.  1890
  6. พระมหาธรรมราชาที่  1  (พญาลิไท)  ครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1890 - 1917
  7. พระมหาธรรมราชาที่  2  (พระเจ้าไสยลือไท)  ครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1917 - 1942  ช่วง  พ.ศ.  1921  ได้ตกเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา
  8. พระมหาธรรมราชที่  3  ครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1942 - 1962  ได้ย้ายราชธานี จากสุโขทัยมาพิษณุโลก
  9. พระมหาธรรมราชาที่  4  ครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1962 - 1981  เป็นกษัตริย์วงศ์สุดท้ายแห่งราชวงศ์สุโขทัย  
     ยุคแรกของอาณาจักรสุโขทัย  มีเมืองใหญ่ที่สุโขทัย และเมืองเชลียง และมีเมืองเล็ก ๆ  อยู่ตามลุ่มแม่น้ำปิง  วัง  ยม  น่าน  ด้านเหนือติดเมืองแพร่  ด้านใต้ติดเมืองพระบาง (คือนครสวรรค์ในปัจจุบัน)  พลเมืองไม่มากนัก